น้ำตาลูกผู้ชาย … เกิดอะไรขึ้นกับ เดวิด เบคแฮม ??

สีหน้า แววตาแห่งความเจ็บปวด ของ เดวิด เบ็คแฮม ที่ได้รับบาดเจ็บเอ็นร้อยหวาย ในช่วงท้ายเกมที่ ซาน ซิโร่ นัดที่ “ปีศาจแดง-ดำ” เชือด คิเอโว 1-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนต้องหามลงเปลส่งโรงพยาบาล คงเทียบไม่ได้กับน้ำตาของลูกผู้ชาย ที่ชื่อ เดวิด เบ็คแฮม ที่หลั่งออกมาแบบไม่ต้องอายใคร สะท้อนถึงความรู้สึก ก้นบึ้งในจิตใจ ที่เจ้าตัวรู้ดีว่า ณ.วินาทีนั้น ความฝันที่เขา จะเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอังกฤษ อันเป็นที่รักของเขา ไปทำศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้นั้นจบสิ้นลง นับว่าเป็นความโชคร้ายของตัวเขา ที่เขาหมดโอกาสสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะอังกฤษคนแรกที่จะได้ลงเล่นในฟุตบอลโลก 4 สมัยติดต่อกัน

David Beckham แม้จะไม่ได้เป็นนักเตะที่มีฝีเท้าขั้นระดับโลก แต่ด้วยหน้าตา บุคลิกที่แสดงออก ทำให้มีแฟนฟุตบอลให้ความสนใจ ติดตาม ให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก  เดวิด เบคแฮม จัดว่าเป็นนักเตะที่มีภาวะผู้นำ มีสปิริต มีความรับผิดชอบ ที่สำคัญมีความมุ่งมั่น เพื่อจะทำสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน


ย้อนอดีต  David Beckham  แฟนฟุตบอลชาวไทย คุ้นเคยกับภาพของ เบคแฮม ในชุดปิศาจแดงมากกว่าเป็นอย่างอื่น  ลูกยิงฟรีคิกปลิดวิญญาณ และการเปิดบอลไซด์โค้งจากริมเส้นฝั่งขวาที่แม่นยำให้กองหน้าพังประตู  เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่นำความสำเร็จมาสู่สโมสร โดยเฉพาะ ในฤดูกาลปี 98-99   เป็นปีที่เขาประสบความสำเร็จสูงสุดในอาชีพนักเตะ ที่สามารถคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ทั้งพรีเมียร์ลีก  เอฟ เอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ซึ่งถ้าจำกันได้ ก่อนหน้านั้น เดวิด เบคแฮม มีประสบการณ์อันเลวร้าย ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่ประเทศฝรั่งเศส  ปี 1998  ซึ่งเขาได้รับใบแดงโดนไล่ออก เพราะไปสะกิดเตะขา ดิเอโก ซิโมเน่ นักเตะอาร์เจนตินา ในการแข่งขันรอบสอง ซึ่งอังกฤษแพ้ตกรอบในการดวลจุดโทษ เหตุการณ์ครั้งนั้นนำพาซึ่งความโกรธแค้นขู่อาฆาตของแฟนๆพร้อมกล่าวหาว่า เขาเป็นต้นเหตุในการพ่ายแพ้  ช่วงเวลานั้น ทุกครั้งที่เขาลงสนามจะถูกก่อกวนโห่ไล่ตลอดเวลา แต่ด้วยความมุ่งมั่น อดทน ได้รับการหนุนหลังจาก ผู้จัดการทีม อเล็กซ์ เฟอร์กุสัน รวมถึงกำลังใจจากแฟนๆแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  ที่ช่วยปกป้องเขาอย่างเต็มที่  มันเหมือนแรงส่งที่ทำให้ เดวิด เบคแฮม ทุ่มเทอย่างเต็มที่ และด้วยผลงานอันน่าทึ่งครั้งนี้ ทำให้ชนะใจแฟนๆรวมทั้งสื่อมวลชน ต่างลืมเลือนเรื่องราวในอดีต กลับมาให้การสนับสนุนเขามากยิ่งขึ้น จนสามารถก้าวขึ้นมารับตำแหน่งกัปตัน ทีมชาติอังกฤษ ในช่วงปี 2000

                 

เดวิด เบคแฮม โชคร้ายกระดูกแตกที่หน้าเท้าช่วงเดือน เมษายน ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วม  ซึ่งเขาไม่น่าฟิตร่างกายได้ทัน แต่ด้วยความมุ่งมั่น  ไม่ยอมแพ้ ใช้วิทยาศาสตร์ทางแพทย์เร่งรักษา จนได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมในที่สุดแต่ทีมก็ไปไม่ได้ไกล แพ้บราซิลตกรอบสองในเวลาต่อมา

 

เมื่อ เดวิด เบคแฮม  มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักมาก บรรดาสปอนเซอร์สินค้าต่างๆก็ต้องการให้เขาไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ รวมถึงภรรยา วิคตอเรีย เริ่มเข้ามามีส่วนในชีวิตให้ออกงานสังคมต่างๆมากขึ้น สร้างความไม่พอใจให้กับ ผู้จัดการทีมเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นอย่างมาก  เดวิด เบคแฮม ถูกดร็อปให้เป็นตัวสำรองบ่อยครั้ง ความสัมพันธ์ที่เคยดี เริ่มมีรอยร้าวให้เห็น จนกระทั่งฟางเส้นสุดท้ายก็มาขาดสะบั้น หลังจากเกิดสตั้ดบินโดนคิ้ว เดวิด เบคแฮม ในห้องแต่งตัว หลังจบเกมแพ้ อาร์เซนอล เมื่อ 15 กุมภาพันธ์  2003  หลังจากนั้นเมื่อจบฤดูกาล เดวิด เบคแฮม ก็ถูกขายให้กับทีม  รีล มาดริด

สมัยที่เล่นให้กับทีม รีล มาดริด  เดวิด เบคแฮมไม่ค่อยมีบทบาท ไม่มีส่วนร่วมกับเกมเท่ากับสมัยอยู่กับปิศาจแดง  จนมาถึงปีสุดท้าย2006-2007 ช่วงแรก เขาไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ ฟาปิโอ คาเปลโล่ ไม่ค่อยมีโอกาสได้ลงเล่น จนเดวิด เบคแฮม ตกลงใจย้ายไปเล่นให้กับทีมลอสแอนเจลิส แกแลกซี ช่วงเวลานั้นเหมือนเกมวัดใจ  เดวิด เบคแฮม ทำหน้าที่สมกับเป็นมืออาชีพ ได้แต่ก้มหน้าก้มตาฝึกซ้อมกับซ้อมตามคำสั่งของโค้ช จนสุดท้าย  ฟาปิโอ คาเปลโล่ ต้องกลืนน้ำลายนำเอา เดวิด เบคแฮม กลับมาเล่นให้กับทีมอีก หลังจากที่เคยลั่นวาจาหมดเวลาสำหรับ เดวิด เบคแฮมแล้วก็ตาม ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวัง โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดมีส่วนทำให้ รีล มาดริด กลับมาคว้าแชมป์ลาลีกาได้สำเร็จอีกครั้ง

 

เดวิด เบคแฮม แสดงออกถึงภาวะผู้นำ การรับผิดชอบ ประกาศลาออกจากตำแหน่งกัปตันทีมชาติ หลังจากอังกฤษ ประสบความล้มเหลว แพ้ดวลจุดโทษโปรตุเกส ตกรอบแปดทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด ที่เยอรมัน  เพื่อเปิดทางเลือกให้ผู้จัดการทีมชาติ คนใหม่ สตีฟ แมคคลาเลน ซึ่งคำประกาศนั้นดูเหมือนดาบสองคมที่กลับมาทิ่มแทงเขาภายหลัง ทำให้เขาไม่อยู่ในแผนการสร้างทีมชาติยุคใหม่อีกต่อไป และดูเหมือนว่าสถิติการรับใช้ทีมชาติจะหยุดนิ่งที่ จำนวน 94 นัด เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็นคนมีเลือดนักสู้  มีความมุ่งมั่นของ เดวิด เบคแฮม  เขามั่นใจว่ายังมีความสามารถเพียงพอที่จะเล่นให้ทีมชาติ เขาฝึกซ้อมหนักมากขึ้นๆ กอปรกับสถานการณ์ทีมชาติอังกฤษล่อแหลม ส่อเค้าตกรอบคัดเลือก EURO 2008 สตีฟ แมคคลาเลน ต้องกลืนน้ำลายเรียก เดวิด เบคแฮมไปกอบกู้ปลุกขวัญกำลังใจให้กับทีม ซึ่งน่าเสียดายเขาเกือบทำสำเร็จ ถ้านัดสุดท้ายทีเล่นในบ้านเพียงแค่เสมอ โครเอเซีย ก็เข้ารอบแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้ตกรอบในที่สุด  ซึ่งนัดนี้เป็นนัดที่ 99 ที่ใครต่างก็คิดว่านี่คือนัดสุดท้าย ของเดวิด เบคแฮมในทีมชาติ  แต่เดวิด เบคแฮม ผู้ไม่ยอมแพ้ พยายามดูแลสุขภาพ ฟิตร่างกาย จนกระทั่งใน วันที่ 27/3/08  ได้ลงเล่นกระชับมิตรที่กรุงปารีส ระหว่าง ทีมชาติ ฝรั่งเศส  เป็นการเล่นให้กับทีมชาคิอังกฤษเป็นนัดที่100 และถือว่าจุดเปลี่ยน เป็นก้าวที่สำคัญในการกลับมาเล่นให้กับทีมชาติ  ด้วยความทุ่มเทแรงกายแรงใจ  เดวิด เบคแฮม ที่มีอยู่ทั้งหมด และด้วยความฝัน ที่ต้องการมีส่วนร่วมเพื่อนำพาทีมชาติอังกฤษ อันเป็นที่รักของเขา ไปสู่เป้าหมายฟุตบอลโลก ปี 2010 ทำให้เขาติดทีมชาติมาอย่างต่อเนื่อง แม้บ่อยครั้งจะเป็นแค่ตัวสำรอง ก่อนที่เขาได้รับบาดเจ็บ เดวิด เบคแฮม ลงเล่นให้กับทีมชาติเป็นครั้งที่ 115 พบกับ เบลารุส ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เมื่อวันที่ 14/10/2009 และคงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะมีโอกาสสวมชุดทีมชาติลงเล่น

เราคงไม่ได้เห็นภาพ เดวิด เบคแฮม สวมชุดทีมชาติอีกแล้ว

 เดวิด เบ็คแฮม

 

ขอบคุณที่นำความสนุกสนานในเกมฟุตบอล และเป็นตัวอย่างของนักเตะ ที่มีความฝัน และมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้

 

 

 

 

 

 

 โชคดี เดวิด เบคแฮม

 

หมายเหตุ ขอบคุณภาพประกอบทางอินเตอร์เนต